วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560

ใบงานที่ 10 เรื่อง รูปแบบของคำสั่ง HTML


โครงสร้างของภาษา HTML



การเขียนโฮมเพจด้วยภาษา HTML นั้น เอกสาร HTML จะประกอบด้วยส่วนประกอบ2 ส่วน ดังนี้



1. ส่วน Head คือส่วนที่จะเป็นหัว (Header) ของหน้าเอกสารทั่วไป หรือส่วนชื่อเรื่อง(Title) ของหน้าต่างการทำงานในระบบ Windows
2. ส่วน Body จะเป็นส่วนเนื้อหาของเอกสารนั้น ๆ ซึ่งจะประกอบด้วย Tag คำสั่งในการจัดรูปแบบ หรือตกแต่งเอกสาร HTML


ในทั้งสองส่วนนี้จะอยู่ภายใน Tag <HTML>…</HTML> ดังนี้

<html>


<head> <title> ส่วนชื่อเอกสาร </title> </head>




<body>


tag คำสั่ง




</body>


</html>

คำสั่ง หรือ Tag ที่ใช้ในภาษา HTML ประกอบไปด้วยเครื่องหมายน้อยกว่า"<" ตามด้วย ชื่อคำสั่งและปิดท้ายด้วยเครื่องหมายมากกว่า ">" เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ตกแต่งข้อความ เพื่อ การแสดงผลข้อมูล โดยทั่วไปคำสั่งของ HTML ส่วนใหญ่จะอยู่เป็นคู่ มีเพียงบาง คำสั่งเท่านั้น ที่มีรูปแบบคำสั่งอยู่เพียงตัวเดียว ในแต่ละคำสั่ง จะมีคำสั่งเปิดและปิด คำสั่งปิดของแต่ละ คำสั่งจะมี รูปแบบเหมือนคำสั่งเปิด เพียงแต่จะเพิ่ม "/" (Slash) นำหน้าคำสั่ง ปิดให้ดู แตกต่าง เท่านั้น และในคำสั่งเปิดบางคำสั่ง อาจมีส่วนขยายอื่นผสมอยู่ด้วย

ในการเขียนคำสั่งภาษา HTML สามารถเขียน ด้วยตัวอักษร เล็กหรือใหญ่ ทั้งหมดหรือเขียนคละกันได้ เช่น <HTML> หรือ <Html> หรือ <html> ซึ่งจะให้ผลเหมือนกัน


คำสั่งเริ่มต้นของเอกสาร HTML

<HTML>..........</HTML>

คำสั่ง <HTML> เป็นคำสั่งเริ่มต้นในการเขียนโปรแกรมและคำสั่ง </HTML> เป็นการสิ้นสุดโปรแกรม HTML คำสั่งนี้จะไม่แสดงผลในโปรแกรมเว็บเบราเซอร์ แต่ต้องเขียนเพื่อให้เกิดความเป็นระบบของงาน และเพื่อจะให้รู้ว่าเอกสารนี้เป็นเอกสารของภาษา HTML ส่วนหัวเรื่องเอกสารเว็บ (Head Section)

<HEAD>..........</HEAD>

Head Section เป็นส่วนที่ใช้อธิบายเกี่ยวกับข้อมูลเฉพาะของหน้าเว็บนั้น ๆ เช่น ชื่อเรื่องของหน้าเว็บ (Title), ชื่อผู้จัดทำเว็บ(Author), คีย์เวิร์ดสำหรับการค้นหา (Keyword) โดยมี Tag สำคัญ คือ

<TITLE>..........</TITLE >

ข้อความที่ใช้เป็น TITLE ไม่ควรพิมพ์เกิน 64 ตัวอักษร, ไม่ต้องใส่ลักษณะ

พิเศษ เช่น ตัวหนา เอียง หรือสี และควรใช้ภาษาที่มีความหมายครอบคลุม

ถึงเนื้อหาของเว็บเพจ นั้น หรือเป็นคำสำคัญในการค้นหา (Keyword)

<BODY>..........</BODY>

Body Section เป็นส่วนเนื้อหาหลักของหน้าเว็บ ซึ่งการแสดงผลจะต้องใช้ Tag จำนวนมาก ขึ้นอยู่กับลักษณะของข้อมูล เช่น ข้อความ, รูปภาพ, เสียง, วีดิโอ หรือไฟล์ต่างๆส่วนเนื้อหาเอกสารเว็บ เป็นส่วนการทำงานหลักของหน้าเว็บ ประกอบด้วย Tag มากมายตามลักษณะของข้อมูล ที่ต้องการนำเสนอ การป้อนคำสั่งในส่วนนี้ ไม่มีข้อจำกัดสามารถป้อนติดกัน หรือ 1 บรรทัดต่อ 1 คำสั่งก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะยึดรูปแบบที่อ่านง่าย คือ การทำย่อหน้าในชุดคำสั่งที่เกี่ยวข้องกัน ทั้งนี้ให้ป้อนคำสั่งทั้งหมดภายใต้ Tag <BODY> … </BODY>


ในบทเรียนนี้ได้ทำการจัดเนื้อหาสำหรับการสร้างโฮมเพจด้วยภาษา HTMLสำหรับกลุ่มคำสั่งได้ดังนี้

1. กลุ่มคำสั่งจัดรูปแบบตัวอักษร
2. กลุ่มคำสั่งการจัดรูปแบบเอกสาร
3. กลุ่มคำสั่งจัดการรูปภาพ

4. กลุ่มคำสั่งการจัดรูปแบบฉากหลัง
5. กลุ่มคำสั่งจัดการตาราง
6. กลุ่มคำสั่งเกี่ยวกับการเชื่อมโยง



สรุป


<HTML>....</HTML> คำสั่งเริ่มต้น คำสั่ง html เป็นคำสั่งเริ่มการเขียน
<HEAD>....</HEAD> เป็นส่วนหัวของเว็บเพจ บอกคุณสมบัติของเว็บเพจ

<TITLE>....</TITLE> ใช้บอกชื่อของเว็บเพจ

<BODY>....</BODY> เป็นส่วนสำคัญที่สุด เพราะเป็นส่วนที่แสดงเนื้อหา

ทั้งหมด อาจรวมถึง ข้อความ รูปภาพ ตาราง



การเชื่อมโยง

คำสั่งในภาษา HTML



คำสั่งพื้นฐาน



< !-- ข้อความ --> คำสั่ง หมายเหตุ ใช้อธิบายความหมาย ขื่อผู้เขียนโปรแกรม และอื่นๆ

<br> คำสั่งขึ้นบรรทัดใหม่

<p> ข้อความ </p> คำสั่งย่อหน้าใหม่

<hr width="50%" size = "3"> คำสั่ง ตีเส้น, กำหนดขนาดเส้น

&nbsp; คำสั่ง เพิ่มช่องว่าง

<IMG SRC = "PHOTO.GIF"> คำสั่งแสดงรูปภาพชื่อ Photo.gif

<CENTER> ข้อความ </CENTER> คำสั่งจัดให้ข้อความอยู่กึ่งกลาง

<HTML> </HTML> คำสั่ง <HTML> คือคำสั่งเริ่มต้นในการเขียนโปรแกรม HTML และมีคำสั่ง </HTML> เพื่อบอกจุดสิ้นสุดโปรแกรม

<HEAD> </HEAD> คำสั่ง <HEAD> คือคำสั่งบอกส่วนที่เป็นชื่อเรื่อง โดยมีคำสั่งย่อย <TITLE> อยู่ภายใน

<TITLE> </TITLE> คำสั่ง <TITLE> คือคำสั่งบอกชื่อเรื่อง จะไปปรากฏที่ Title Bar

<BODY> </BODY> คำสั่ง <BODY> คือคำสั่งบอกส่วนเนื้อเรื่อง ที่จะถูกแสดงผลในเวปบราวเซอร์ ประกอบด้วยรูปภาพ ตัวอักษร ตาราง เป็นต้น


รูปแบบตัวอักษร



<font size = "3"> ข้อความ </font> ขนาดตัวอักษร

<font color = "red"> ข้อความ </font> สีตัวอักษร

<font face = "Arial"> ข้อความ </font> รูปแบบตัวอักษร

<besefont size = "2"> ข้อความ </font> กำหนดค่าเริ่มต้นของขนาดตัวอักษร

<b> ข้อความ </b> ตัวอักษรหนา

<i> ข้อความ </i> ตัวอักษรเอน

<u> ข้อความ </u> ขีดเส้นใต้ตัวอักษร

<tt> ข้อความ </tt> ตัวอักษรแบบพิมพ์ดีด




หมายเหตุ เราสามารถใช้คำสั่งกำหนดรูปแบบตัวอักษร หลายๆรูปแบบได้ เช่น

<font face = "Arial" size = "3" color = "red"> ข้อความ </font> เป็นต้น




จุดเชื่อมโยงข้อมูล


<a href ="#news"> Hot News </a> ,

<a name ="news"> กำหนดจุดเชื่อมชื่อ news ส่วน "a name" คือตำแหน่งที่ลิงค์ไป (เอกสารเดียวกัน)

<a href ="news.html"> Hot News </a> สร้างลิงค์ไปยังเอกสารชื่อ "news.html"

<a href ="http://www.thai.com"> Thai </a> สร้างลิงค์ไปยังเวปไซท์อื่น

<a href ="http://www.thai.com" target = "_blank" > Thai </a> สร้างลิงค์ไปยังเวปไซท์อื่น และเปิดหน้าต่างใหม่

<a href ="http://www.thai.com"> <img src = "photo.gif"> </a> สร้างลิงค์โดยใช้รูปภาพชื่อ photo.gif เป็นตัวเชื่อม

<a href ="mailto:yo@mail.com"> Email </a> สร้างลิงค์มายังอีเมล


การแสดงผลแบบรายการแบบมีหมายเลขกำกับ


<OL value = "1" >

<LI> รายการที่ 1

<LI> รายการที่ 2

</OL>

การแสดงผลแบบรายการ ใช้คำสั่ง <OL> เป็นเริ่มและปิดท้ายด้วย </OL> ส่วนคำสั่ง <LI> เป็นตำแหน่งของรายการที่ต้องการนำเสนอ เราสามารถกำหนดให้แสดงผลรายการได้หลายแบบเช่น เรียงลำดับ 1,2,3... หรือ I,II,III... หรือ A,B,C,... ได้ทั้งนี้จะต้องเพิ่มคำสั่งเข้าไปที่ <OL value = "A"> เป็นต้น




การแสดงผลแบบรายการแบบมีสัญลักษณ์กำกับ


<UL type = "square">

<LI> รายการที่ 1

<LI> รายการที่ 2

</UL>

การแสดงผลแบบรายการ ใช้คำสั่ง <UL> เป็นเริ่มและปิดท้ายด้วย </UL> ส่วนคำสั่ง <LI> เป็นตำแหน่งของรายการ ที่ต้องการนำเสนอ เราสามารถกำหนดให้แสดงผลรายการแบบต่างๆ ดังต่อไปนี้




- รูปวงกลมทึบ "disc"

- รูปวงกลมโปร่ง "circle"

- รูปสี่เหลี่ยม "square"




ได้ทั้งนี้จะต้องเพิ่มคำสั่งเข้าไปที่ <UL type = "square"> เป็นต้น




ที่มา : http://www.education.preecha.net/ht.html
ที่มา : https://pirun.ku.ac.th/~agrtnk/web/units/unit1/unit1-3.htm



ใบงานที่ 9 เรื่อง ความหมมายของ HTML

HTML หรือ HyperText Markup Language เป็นภาษาคอมพิวเตอร์รูปแบบหนึ่ง ที่มีโครงสร้างการเขียนโดยอาศัยตัวกำกับ (Tag) ควบคุมการแสดงผลข้อความ, รูปภาพ หรือวัตถุอื่นๆ ผ่านโปรแกรมเบราเซอร์ แต่ละ Tagอาจจะมีส่วนขยายที่เรียกว่า Attribute สำหรับระบุ หรือควบคุมการแสดงผล ของเว็บได้ด้วย

HTML เป็นภาษาที่ถูกพัฒนาโดย World Wide Web Consortium (W3C) จากแม่แบบของภาษา SGML (Standard Generalized Markup Language) โดยตัดความสามารถบางส่วนออกไป เพื่อให้สามารถทำความเข้าใจและเรียนรู้ได้ง่าย และด้วยประเด็นดังกล่าว ทำให้บริการ WWW เติบโตขยายตัวอย่างกว้างขวางตามไปด้วย

Tag

Tag
เป็นลักษณะเฉพาะของภาษา HTML ใช้ในการระบุรูปแบบคำสั่ง หรือการลงรหัสคำสั่ง HTML ภายในเครื่องหมาย less-than bracket ( < ) และ greater-than bracket ( > ) โดยที่ Tag HTML แบ่งได้ 2ลักษณะ คือ

Tag เดี่ยว

เป็น Tag ที่ไม่ต้องมีการปิดรหัส เช่น <P>, <BR> เป็นต้น

Tag เปิด/ปิด

เป็น Tag ที่ประกอบด้วย Tag เปิด และ Tag ปิด โดย Tag ปิด จะมีเครื่องหมาย slash
( / ) นำหน้าคำสั่งใน Tag นั้นๆ เช่น <B>…</B>, <BLINK>…</BLINK> เป็นต้น

Attributes


Attributes เป็นส่วนขยายความสามารถของ Tag จะต้องใส่ภายในเครื่องหมาย < > ในส่วน Tag เปิดเท่านั้น Tag คำสั่ง HTML แต่ละคำสั่ง จะมี Attribute แตกต่างกันไป และมีจำนวนไม่เท่ากัน การระบุ Attributeมากกว่า 1 Attribute ให้ใช้ช่องว่างเป็นตัวคั่น

เช่น Attributes ของ Tag เกี่ยวกับการจัดพารากราฟ คือ <P> ประกอบด้วย

ALIGN="Left/Right/Center/Justify"

ซึ่งสามารถเขียนได้ดังนี้

<P ALIGN="Left">...</P>

หรือ

<P ALIGN="Right">...</P>

หรือ

<P ALIGN="Center">...</P>

วันพฤหัสบดีที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2560

ใบงานที่ 7 เรื่อง การเขียนผังงาน (flow chart)

การเขียนผังงาน (flow chart)

1. ความหมายของผังงาน

ผังงาน (Flowchart) คือ แผนภาพแสดงลำดับขั้นตอนการทำงาน เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวางแผนขั้นแรกมาหลายปี โดยใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ ในการเขียนผังงาน เพื่อช่วยลำดับแนวความคิดในการเขียนโปรแกรม เป็นวิธีที่นิยมใช้เพราะทำให้เห็นภาพในการทำงานของโปรแกรมง่ายกว่าใช้ข้อความ หากมีข้อผิดพลาด สามารถดูจากผังงานจะทำให้การแก้ไขหรือปรับปรุงโปรแกรมทำได้ง่ายขึ้น


2. ประเภทของผังงาน
ผังงาน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ ผังงานระบบ (System flowchart) และ ผังงานโปรแกรม (Program flowchart)

2.1 ผังงานระบบ (System flowchart)

หมายถึง ผังงานที่แสดงขั้นตอนการทำงานของระบบทั้งหมด แสดงถึงอุปกรณ์ในรับข้อมูล เอกสารเบื้องต้น สื่อบันทึกข้อมูล วิธีการประมวลผล สูตรที่ใช้ในการคำนวณ การแสดงผลลัพธ์และอุปกรณ์ที่ใช้แสดงผลลัพธ์ในแต่ละจุดของผังงาน เป็นแสดงการทำงานทั้งระบบอย่างกว้าง ๆ ไม่ละเอียด จึงไม่สามารถเขียนโปรแกรมจากผังงานระบบได้

2.2 ผังงานโปรแกรม (Program flowchart)

หมายถึง ผังงานที่แสดงขั้นตอนของคำสั่งการทำงานอย่างละเอียด โดยใช้สัญลักษณ์ในการเขียนผังงานเช่นเดียวกับการเขียนผังงานระบบ เป็นการวางแผนการเขียนโปรแกรมโดยผังงานโปรแกรมจะแสดงลำดับคำสั่งเป็นขั้นตอนในการปฏิบัติงานอย่างละเอียด การเขียนผังงานโปรแกรมก่อน จึงเขียนโปรแกรมตามผังงาน จะช่วยลดข้อผิดพลาดในการเขียนโปรแกรมลง ทำให้การเขียนโปรแกรมทำได้ง่ายและถูกต้องกว่าการเขียนโปรแกรมโดยไม่มีผังงาน




ใบงานที่ 6 เรื่อง การเขียนรหัสจำลอง (Pseudo Code)

การเขียนรหัสจำลอง 


ความหมาย 

การเขียนรหัสจำลอง (Pseudo Code) คือการเขียนอัลกอริทึมโดยใช้ประโยคภาษาอังกฤษที่สื่อความ
หมายง่าย ๆ สามารถอ่านแล้วเข้าใจได้โดยทันที แต่ก็สามารถใช้รูปแบบที่เป็นภาษาพูดด้วยภาษาไทยและภาษาอังกฤษก็ได้โครงสร้างของรหัสจำลองเริ่มต้นด้วยข้อความ Begin แล้วอธิบายขั้นตอนการทำงานโดยใช้คำสั่งต่าง ๆ ที่ใกล้เคียงกับภาษาคอมพิวเตอร์ในการเขียนโปรแกรม เช่น

                          คำสั่ง read หมายถึง การอ่านค่าหรือรับค่าข้อมูลตัวแปรตามที่กำหนดไว้

                          คำสั่ง print หมายถึง การแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณและพิมพ์ข้อความ End เมื่อ                            จบการทำงาน

            การเขียนรหัสจำลองจะต้องมีการวางแผนสำหรับการอ้างอิงถึงข้อมูลที่จะต้องนำไปใช้ภายในโปรแกรมด้วยการสร้างตัวแปร โดยใช้เครื่องหมายเท่ากับ (= ) แทนการกำหนดค่าตัวแปร




ใบงานที่ 5 เรื่อง อัลกอริทึม (Algorithm)

อัลกอริทึม (Algorithm) 

อัลกอริทึม (Algorithm) 

หมายถึง กระบวนการ การทำงานที่ใช้การตัดสินใจ โดยนำหลักเหตุผลและคณิตศาสตร์มาช่วยเลือกวิธีการหรือขั้นตอนการดำเนินงานต่อไป จนกระทั่งถึงขั้นตอนสุดท้าย เป็นวิธีการที่ใช้แยกย่อยและเรียงลำดับขั้นตอนของกระบวนการในการทำงานต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาและแก้ไขปัญหา


ลักษณะของ อัลกอริทึม

แนวทางการเขียนอัลกอริทึมเป็นลักษณะการทำงานขั้นพื้นฐาน มักปรากฏในระบบงาน โปรแกรมคอมพิวเตอร์โดยทั่วไป มีแนวทางที่ใช้บ่อยๆ ดังนี้ 
การทำงานลัษณะการนับค่าสะสมในหน่วยความจำ
การทำงานลักษณะวนรอบการทำงาน 
การทำงานลัษณะหาค่ามากที่สุดและค่าน้อยที่สุด 




วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560

ใบงานที่ 4 เรื่องการดำเนินการเเก้ปัญหา การตรวจสอบเเละปรับปรุง

การดำเนินการเเก้ปัญหา การตรวจสอบเเละปรับปรุง


1.การตรวจสอบเเละปรับปรุงโดยผู้ออกแบบ

เป็นการกระทำทั้งในระหว่างการดำเนินการและภายหลังการดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วซึ่งเป็นการตรวจสอบและปรับปรุงกระบวนการทำงานก่อนการใช้งานจริง


2.การตรวจสอบโดยผู้ใช้งานจริง


เป็นการตรวจสอบและปรับปรุงกระบวนการทำงานภายหลังการดำเนินการ โดยจัดเก็บข้อมูลจากผู้ใช้งานกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นโดยตรงซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การสังเกต การสัมภาษณ์ และการทำแบบสอบถาม จากนั้นผู้ออกแบบรวบรวมข้อมูลไปปรับปรุงกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศอีกครั้ง



ใบงานที่ 3 เรื่อง การเลือกเครื่องมือเเละออกเเบบขั้นตอน

การเลือกเครื่องมือเเละออกเเบบขั้นตอน

1.การเลือกเครื่องมือที่ใช้ในการเเก้ปัญหา : การกำหนดทรัพยากรที่ต้องใช้ในการเเก้ปัญหา

2.การออกเเบบขั้นตอนในการปฏิบัติงาน : เป้นการกำหนดแนวทางการเเก้ปัญหาก่อนปฏิบัติจริง โดยจะต้องกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติงานเป็นลำดับขั้น เเล้วจึงนำมาระบุผู้รับผิดชอบเเละระยะเวลาการปฏิบัติิงานในตารางปฏิบัติงาน



ใบงานที่ 2 เรื่อง การวิเคราะห์เเละกำหนดรายละเอียดของปัญหา

การวิเคราะห์เเละกำหนดรายละเอียดของปัญหา

มีวิธีการดังนี้

1.วิเคราะห์สิ่งที่ต้องการ โดยวิเคราะห์ว่าต้องการเเก้ปัญหาอะไร? ผลผลิตอะไร? หรืองานอะไร? เเล้วกำหนดวัตถุประสงค์สิ่งที่ต้องการนั้น เช่น ต้องการเเก้ปัญหาการขาดทุนของร้านเช่าหนังสือ

2.วิเคราะห์ผลลัพธ์ ที่ต้องการโดยวิเคราะห์สิ่งที่คาดว่าจะได้รับจากการเเก้ปัญหาที่ต้องการมากกว่าหนึ่งข้อ เช่น มีความสะดวกรวดเร็วในการเช่าหนังสือ ป้องกันไม่ให้หนังสือหาย มีกำไรมากยิ่งขึ้น

3.วิเคราะห์ทรัพยากร โดยคำนึงถึงทรัพยากรที่นำมาใช้เเก้ปัญหาซึ่งควรเป็นทรัพยากรที่มีอยู่เเล้วเป็นหลัก เช่น วัสดุอุปกรณ์ ความรู้ของบุคลากร เเรงงาน งบประมาณ

4.วิเคราะห์ตัวแปรหรือผลกระทบในด้านต่างๆ เช่น ทำไมหนังสือสูญหาย พนักงานไม่มาทำงานบ่อย

5.วิเคราะห์วิธีการเเก้ปัญหา เช่น เก็บค่าสมาชิกสูงขึ้น โดยผ่านกระบวนการความคิดเช่น ทำได้จริงหรือไม่ ได้ผลลัพธ์ที่ดีหรือไม่



Course Outline OT32201

Course Outline OT32201

ภาคเรียนที่ 1/2560









วันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560

ใบงานที่ 1 เรื่อง กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ



กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ



1.ความหมายของกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ

ตอบ
ขั้นตอนการแก้ปัญหาหรือตอบสนองต่อความต้องการซึ่งจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากทรัพยากรให้เป็นผลผลิตหรือผลลัพธ์ระบบเทคโนโลยีประกอบด้วยกระบวนการเทคโนโลยีก่อให้เกิดประโยชน์ใช้สอย ตามที่มนุษย์ต้องการและเปลี่ยนแปลงการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ เพราะมนุษย์มีความต้องการในการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในการดำรงชีวิต ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาที่อาจเกิดจากการประดิษฐ์คิดค้นต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้น และบางครั้งปัญหาอาจเกิดการผลิตสิ่งของต่างๆไม่ตรงตามความต้องการไม่ได้คุณภาพจึงต้องมีการออกแบบ เพื่อจะนำมาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว



2.ขั้นตอนของกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ


ตอบ

1.การรวบรวมข้อมูล

วิธีการดำเนินการ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล และบันทึกข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเพื่อการประมวลผล เช่น บันทึกในแฟ้ม เอกสาร บันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ จดบันทึกไว้ในสมุด เป็นต้น

2.การตรวจสอบข้อมูล

ขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูลในลักษณะต่างๆ เช่น การตรวจสอบ เพื่อหาข้อผิดพลาด ความน่าเชื่อถือ ความสมเหตุสมผล เพื่อให้มีความมั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ได้รับการรวบรวมและบันทึกไว้อย่างถูกต้อง

3.การประมวลผลข้อมูล

หมายถึง วิธีการดำเนินการกระทำข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ ข้อมูล การประมวลผลสารสนเทศข้อมูล หมายถึง ข้อเท็จจริงที่เป็นตัวเลข ข้อความ รูปภาพ เสียง ที่เกี่ยวกับคน สัตว์ สิ่งของ หรือเหตุการณ์ต่างๆหรือสิ่งที่ยอมรับว่าเป็นความจริง สำหรับใช้เป็นหลักอนุมาน

4.การจัดเก็บข้อมูล

การเก็บรักษาข้อมูลเพื่อการบริหาร โดยเก็บไว้ในรูปแบบต่างๆ


5.การคิดวิเคราะห์

ขั้นตอนการดำเนินการ เพื่อสรุปความสำคัญของข้อมูลสารสนเทศให้ตรงสภาพที่เป็นจริงตรงตามวัตถุประสงค์ก่อนที่จะนำข้อมูลมาใช้


6.การนำข้อมูลไปใช้

การนำข้อมูลไปใช้ในลักษณะต่างๆ






3.การเเก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ


ตอบ


1. การวิเคราะห์และกำหนดรายละเอียดของปัญหา


2. การเลือกเครื่องมือและออกแบบขั้นตอนวิธี


3. การดำเนินการแก้ปัญหา เป็นขั้นตอนแก้ปัญหา


4. การตรวจสอบและปรับปรุง










My profile

Helloo 
 ↣ ผมชื่อ จักรภพ ลาพิมล ↢
 ↣ ชื่อเล่น กาย ↢
↣ อยู่ชั้น ม.5/2 ↢
↣ เกิดวันที่ 15 มีนาคม ↢
 ↣ อายุ 16 ปี ↢
↣ เวลาว่างชอบ ดูหนัง ฟังเพลง ↢
เล่นฟุตบอล เล่นเกม
 ↣ IG : chakkapop_ ↢
↣ Facebook : Guy chakkapop ↢



ใบงานเรื่อง ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์

1.ชื่อโครงงาน ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยมือถือผ่านบลูทูธ 2.สรุปผล การทดลองเขียนโปรแกรมใส่ไมโครคอนโทรลเลอร์ทดลองควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยรับ ข...